ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูน เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่งที่หารับประทานได้ยาก มีลักษณะเนื้อเหนียวนุ่ม มีมะพร้าวขูดโรยหน้า และมีสีดำซึ่งเกิดจากการหาสีดำในธรรมชาติโดยใช้กาบมะพร้าวเผา แต่ในปัจจุบัน ขนมเปียกปูนมีสีเขียว เนื่องจากใบเตย

 สูตรขนมหวานไทย : ขนมเปียกปูน

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
* แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม
* น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง 
* เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย
   (คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า)

                                 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง
2. ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้
4. ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม

ลอดช่องน้ำกะทิ

ลอดช่องน้ำกะทิ

ลอดช่องน้ำกะทิ หรือบางคนเรียกว่า ลอดช่องไทย เป็นขนมไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นขนมไทยที่นิยมทำกันใน งานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานวัด งานแต่งงาน 

 สูตรขนมหวานไทย : ขนมลอดช่อง

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

+ ส่วนผสมตัวลอดช่อง +

* แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
* แป้งเท้ายายม่อม 30 กรัม
* แป้งซ่าหริ่ม 20 กรัม
* น้ำปูนใส 450 กรัม
* น้ำใบเตย 250 กรัม
* น้ำแข็ง

+  ส่วนผสมน้ำกะทิ +

* น้ำกะทิ 250 กรัม
* น้ำตาลปึก 150 กรัม
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* เทียนอบ

+ เพิ่มเติม +

* เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, ขนุน อื่นๆ

                                 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ทำตัวลอดช่องโดยผสมแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, แป้งซ่าหริ่ม เข้าด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำ ปูนใสทีละน้อย ขณะเดียวกันก็นวดแป้งให้เข้ากันจนเนียนและเหนียว และค่อยๆใส่น้ำปูนใสจนหมด แล้วจึงใส่น้ำ ใบเตย แล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนแป้งเนียวและข้นจึงลดไฟลง กวนต่อจนแป้งสุก (แป้งจะมี ลักษณะข้นเหนียว)จึงปิดไฟ
2. เตรียมน้ำเย็นโดย นำน้ำแข็งไปละลายในน้ำจนน้ำเย็นจัด จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอน ที่หนึ่งไปใส่ลงในพิมพ์ลอดช่อง ค่อยๆกดให้เป็นเส้นหย่อนลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้
3. ทำน้ำกะทิโดยนำน้ำตาลปึกผสมกับน้ำกะทิและเกลือป่น นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆ คนจนน้ำตาลละลายดี จึงปิดไฟ และนำไปอบควันเทียนให้หอม
4. ตักเส้นลอดช่องใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งทุบ สามารถใส่เครื่องเพิ่มเติมได้ตามต้องการ (เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, อื่น) เสริฟได้ทันที

กล้วยแขก

กล้วยแขก

กล้วยทอด หรือกล้วยแขก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณแต่วัฒนธรรมการปรุงอาหารมาจากชาวอินเดีย โดยวิธีการทอด จึงเรียกว่า กล้วยแขก นั่นเอง นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง เพราะไม่ทำไห้อิ่มท้องมาก 

  สูตรขนมหวานไทย : กล้วยทอด

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี
* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
* แป้งสาลี 1/4 ถ้วย
* เกลือ 1/2 ช้อนชา
* ผงฟู 1 ช้อนชา
* งาขาวคั่ว (ปริมาณตามความชอบ)
* มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย
* น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
* น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
* ใบเตย 3-5 ใบ
* น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำกล้วยมาปอกเปลือกและหั่นตามยาวเป็นชิ้นบางๆ หนึ่งลูกควรหั่นให้ได้อย่างน้อย 3 ชิ้น
2. นำแป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, เกลือ, ผงฟู, น้ำตาลปี๊บ, งาขาว, มะพร้าวขูด, น้ำปูนใสและหัวกะทิ ผสมเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ๋ คนจนแป้งและน้ำตาลละลายดี ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟค่อนข้างแรง รอจนน้ำมันเดือด จึงใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนให้น้ำมันหอม
4. นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งชุบแป้งแล้วนำไปลงทอดจนเหลืองสุกและกรอบ จึงตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน
5. เรียงจัดใส่จาน และเสริฟเป็นของว่างทานเล่น

ขนมเทียน

ขนมเทียน

ขนมเทียน เป็นขนมที่ปรับปรุงขึ้นจากสูตรของชาวจีนโพ้นแผ่นดิน แล้วนำมาดัดแปลงด้วยขนมท้องถิ่นของไทย เปลี่ยนจากขนมใส่ไส้ที่ใช้แป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน มีความหมายหวานชื่นราบรื่น รูปลักษณ์เป็นกรวยแหลม มีลักษณะเป็นมงคลเหมือนเจดีย์ 

ส่วนผสมไส้

- ถั่วเขียวฝ่าซีก 1 ถ้วย
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ 
- กระเทียมเจียว หรือ หอมแดงเจียว 1/4 ถ้วย 
- รากผักชี 2 ราก
- เกลือ 1 ช้อนชา 
- น้ำตาลปีบ 3 ชต. 
- น้ำตาลทราย ตามชอบ
- พริกไทย ตามชอบ

ส่วนผสมแป้ง

- แป้งข้าวเหนียว 400 กรัม
- แป้งข้าวจ้าว 100 กรัม 
- น้ำกระทิ 3 ถ้วย 
- น้ำตาลปีบ 1 ถ้วย
(ถ้าจะทำขนมเข่งสีดำ ใช้แป้งข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วย ผสมแป้งข้าวเหนียวขาว 3 ถ้วย)

วิธีทำ

1. เทแป้งใส่ชาม ละลายน้ำตาลบีบกับน้ำอุ่นเล็กน้อย แล้วค่อยนวดผสมไปกับแป้ง
2. ค่อยๆเทกระทิใส่แล้วนวดให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 3-4 ช.ม.
3. นำถั่วเขียวซีกไปแช่น้ำไว้ 3 ชม.
4. นำถั่วไปนึ่งให้สุก
5. นำถั่วที่นึ่งสุกแล้วเข้าเครื่องบดให้ละเอียด พักไว้
6. ตั้งกะทะเจียวกระเทียมพอเหลือง
7. ใส่ถั่วที่เตรียมไว้(ข้อ.5)ในกะทะ ใส่น้ำตาล เกลือ พริกไทย ชิมรสตามชอบผัดไปจนแห้ง
8. นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ประมาณ 10 กรัม
9. นำแป้งที่หมักไว้(ข้อ.2)จนได้ที่แล้ว มาปั้นเป็นก้อน(ประมาณ 30 กรัม)ห่อไส้ที่เตรียมใว้ 
10. ห่อใบตองให้สวยงาม นำไปนึ่งด้วยไฟแรง 30 นาที

วิธีการห่อขนมเทียน

- ทาน้ำมันบนใบตอง แล้วซ้อนใบตอง 2 ชั้น ทำเป็นรูปกรวย ไส้แป้งที่ปั้นไว้ลงไป
- ใช้นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างกดใบตองลงเพื่อให้แป้งลงไปในกรวย พร้อมทำท่าพนมมือ (จะทำให้ขนมเทียนเป็นทรงพีระมิด)
- จากนั้นพับใบตองทั้ง 2 ข้างเข้าหากันให้เป็นปลายแหลม (ตัดใบตองไม่ดีจะมีปัญหาตรงนี้แหละ)
- พับใบตองกลับมาปิดฐานขนม จะเหลือปลายยื้นออกมา ให้ม้วนสอดเข้าช่องในฐานขนม

ขนมถ้วยหน้ากะทิ

ขนมถ้วยหน้ากะทิ

 ขนมถ้วยหน้ากะทิ หรือขนมถ้วยตะไล เป็นขนมหวานไทยโบราณอย่างหนึ่ง ที่มีรสชาติอร่อยโดยมีตัวแป้งชั้นล่างที่มีรสหวาน มัน และเค็มเล็กน้อยของหน้ากะทิทีเข้มข้น อยู่ในถ้วยตะไลหรือถ้วยกระเบื้อง
ขนาดเล็กที่มีขนาดพอดีคำ อย่างไรก็ตาม เราสามารถใส่สีธรรมชาติลงไปด้วยก็ได้ เช่น สีเขียวใบเตย เพื่อทำให้ขนมดูน่ารับประทานมากขึ้น ปัจจุบันนิยมทำกันมากเพราะวิธีทำขนมถ้วยหน้ากะทิง่ายมาก สามารถทำได้เองหรือหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป

  สูตรขนมหวานไทย : ขนมถ้วย

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

ส่วนผสมทำตัวขนมถ้วย

* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
* แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
* หางกะทิ 1 ถ้วย
* น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
* น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย

ส่วนผสมทำหน้าขนม

* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
* หัวกะทิ 1 ถ้วย
* เกลือ 1/2 ช้อนชา

                                วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. เตรียมทำตัวขนมโดย นำหางกะทิไปผสมกับแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, น้ำตาลปี๊บและน้ำใบเตย นวดจนเข้ากันดี นำไปกรองด้วยผ้าข้าวบางและพักไว้
2. เตรียมทำหน้าขนมโดยนำหัวกะทิผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ คนจนละลายดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้
3. ตั้งหม้อนึ่งรอจนน้ำเดือดจึงเรียงถ้วยตะไลลงไป นึ่งจนถ้วยตะไลร้อน จึงเริ่มหยอดตัวขนม (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1) ลงไปประมาณ 3/4 ถ้วยตะไล จากนั้นจึงปิดฝาหม้อและนึ่งทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นจึงหยอดหน้าขนม (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) ลงไปในถ้วยตะไล จนเต็มและนึ่งต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
4. รอจนเย็นแล้วจึงนำไปเสริฟ เวลาเสริฟสามารถเสริฟทั้งถ้วยตะไล หรือใช้ไม้พายแคะออกจากถ้วยแล้วจัดเรียงใส่จาน

ขนมกง

ขนมกง

ขนมกง”  เป็น ขนมหวานพื้นเมืองอีกชนิดหนึ่งของภาคใต้ โดยขนมชนิดนี้ ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว และก็เป็นขนมอีกไทยอีกหนึ่งชนิดที่มีความสำคัญในการนำมาประกอบพิธีกรรมในประเพณีสารทเดือนสิบมุ่งหมายให้เป็นเครื่องประดับของบรรพบุรุษนั้นเองค่ะ และวันนี้เราก็มีสูตรการทำขนมกงชนิดนี้มาให้เพื่อนๆได้ศึกษาและได้ลองนำไปทดลองทำกันดู หากว่าเพื่อนๆคนไหนอยากลิ้มลองในรสชาติ ซึ่งสูตรและวิธีการทำขนมกงก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ 
ส่วนผสม
ถั่วเขียวป่น  1  ถ้วย
ข้าวตอกคั่วบด  2  ถ้วย
น้ำตาลปีก  ½  ถ้วย
น้ำตาลทราย  1/3  ถ้วย
หัวกะทิ  ½  ถ้วย
ส่วนผสมแป้งทอด
แป้วข้าวเหนียว  ½  ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า  ½  ถ้วย
แป้งมัน  2  ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิตั้งไฟเดือด  ½  ถ้วย
ไข่แดง  1  ฟอง
วิธีทำ
-ตั้งกระทะ นำน้ำตาลปึกกับกะทิเคี่ยวจนเป็นยางมะตูมยกลง คนกับน้ำตาลทรายพออุ่นผสมถั่วเขียวป่น ข้าวตอกป่น นวดให้เข้ากันปั้นถั่วเป็นก้อนกลมๆ ให้ขนาดเท่าเมล็ดพุทราแล้วคลึงบนกระดาษให้เป็นเส้นยาว ทำเป็นวงกลม แล้วนำอีกก้อนที่มีขนาดเล็กกว่ามาคลึงยาวๆ วางพาดกลางเป็นรูปกากบาท ปั้นเมล็ดกลมเล็กๆ ติดที่สี่มุม ตรงกลาง 1 เม็ด เรียงผึ่งไว้ตรงตะแกรงให้แห้ง แล้วนำไปชุบแป้งทอด
วิธีทำแป้ง
-ผสมแป้งทั้งหมดเข้าด้วยกัน นวดกับหัวกะทิพอประมาณ ใส่ไข่แดงแล้วนวดให้เข้ากัน จากนั้นใส่กะทิที่เหลือลงไปนวดจนแป้งเข้ากันดีแล้ว จึงนำขนมที่เตรียมไว้มาชุบแป้งทอด แล้วนำลงทอดในน้ำมันร้อนๆเป็นอันเสร็จวิธีการทำ

ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย-ไส้เผือก

ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย-ไส้เผือก

ข้าวเหนียว เป็นอาหารคู่ใจคนไทยมานาน เพราะนอกจากจะเป็นอาหารหลักได้แล้ว
เช่น ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง ข้าวเหนียวกับส้มตำเป็นต้น ยังสามารถนำมาประยุกต์มา
ทำเป็นขนมทานเล่นได้อีกด้วย เช่นข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย หรืออาจจะเป็นใส้เผือก
ซึ่งเป็นไส้ขนมที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก โดยรสชาติของข้าวเหนียวกับความ
หวานอร่อยของไส้กล้วยหรือไส้เผือก นำไปห่อใบตองแล้วปิ้งดวยไฟอ่อนๆ จนได้
กลิ่นหอมกรุ่นจากใบตองปิ้งรับรอง อร่อยถูกใจแล้วอิ่มท้องแน่นอน

           สิ่งที่ต้องเตรียม


           ข้าวเหนียวขาว 1 กิโลกรัม

           กะทิ 3 ถ้วย

           น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย

           เกลือป่น 1 ช้อนชา

           กล้วยน้ำหว้าสุก ผ่าครึ่งตามยาว 5 ลูก (หรือไส้เผือก)

           ใบตองสำหรับห่อขนม

           ไม้จิ้มฟัน สำหรับกลัดใบตอง

    วิธีทำ

           1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 1 คืน

           2. ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่น คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย เตรียมไว้

          3. นำข้าวเหนียวที่แช่ไว้ไปนึ่งจนสุก จากนั้นใส่ส่วนผสมกะทิลงไป มูนส่วนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

          4. ตักข้าวเหนียวมูน 2 ช้อนโต๊ะ วางลงบนใบตอง ตามด้วยกล้วย 1 ชิ้น หรือส่วนผสมไส้เผือก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วทับด้วยข้าวเหนียวอีก 1 ช้อนโต๊ะ ม้วนหรือพับใบตองเข้าหากันให้สวยงาม ใช้ไม้จิ้มฟันกลัดหัวและท้าย เตรียมไว้

         5. นำข้าวเหนียวไปย่างบนเตา ด้วยไฟอ่อนจนสุกหอมและเนื้อขนมเป็นสีเหลือง ยกลงจากเตา แกะออกจากใบตอง พร้อมรับประทาน

        สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับไส้เผือก)

        เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 หัว

           น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย

           นมข้นจืด 1/4 ถ้วย

           เกลือป่น เล็กน้อย

        วิธีทำ

     1. ใส่เผือกบด น้ำตาลปี๊บ นมข้นจืด และเกลือป่นลงในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง กวนจนส่วนผสมเหนียว พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้สำหรับทำเป็นไส้ขนม 

ขนม สอดใส้

ขนม สอดใส้

ขนมสอดใส้ เป็นขนมที่ใช้ในประเพณีขันหมากในสมัยโบราณพื้นบ้านชนิดหนึ่งหารับประทานได้ง่ายราคาถูกรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยห่อด้วยใบตองแล้วมีเตี่ยวคาดเป็นทรงสูง มีกลิ่นหอมและหวาน
จากตัวใส้ รสเค็มมันด้วยหน้ากะทิที่สด 

 สูตรขนมหวานไทย : ขนมสอดไส้

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
* แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วย
* มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น 1 ถ้วย
* น้ำตาลโตนด 1/2 ถ้วย
* มะพร้าวขูด 300 กรัม
* น้ำดอกไม้สด 3 ถ้วย
* น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* เทียนอบขนม
* ใบตองสำหรับห่อขนม
* ไม้กลัดสำหรับกลัดขนม

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. เจียนใบตองกว้างประมาณ 3 นิ้ว ยาวประมาณ 7" สำหรับห่อขนม และ ทำเตี่ยวจากใบตองแก่ กว้างประมาณ 1/2 นิ้ว ยาวประมาณ 10 นิ้ว นำไปตากแดดให้ใบตองอ่อน ไม่อย่างนั้นใบตองจะแตกเมื่อนำไปห่อขนม
2. เตรียมทำไส้ขนม โดยตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำตาลตโนด และน้ำเปล่า 1/4 ถ้วย คนจนน้ำเริ่มเดือดจึงใส่มะพร้าวทึนทึกลงไป เคี่ยวประมาณ 15-20 นาที จนมะพร้าวอิ่มน้ำตาล จึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นจึงนำไปอบด้วยควันเทียน พักไว้
3. เตรียมทำส่วนของตัวแป้ง ใส่แป้งข้าวเหนียวลงในชามใบใหญ่ ค่อยๆเติมน้ำทีละน้อย นวดจนนุ่ม เหนียว หาฝาปิด พักไว้รอปั้น
4. เตรียมทำหน้าขนม โดยคั้นกะทิจากมะพร้าวขูด และน้ำดอกไม้สด 2 3/4 ถ้วย ให้ได้กะทิ 3 1/4 ถ้วย นำกะทิที่ได้ผสมกับแป้งข้าวเจ้า, เกลือ และน้ำตาลทราย คนเข้าด้วยกันจนละลายหมด จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง นำน้ำที่ได้ไปใส่กระทะทองเหลือง กวนด้วยไฟอ่อนพอข้นแล้วจึงปิดไฟ ยกลง
5. นำไส้ขนม (ขั้นตอนที่ 2) มาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. จากนั้นจึงนำแป้งที่ทำในส่วนของตัวแป้ง (ขั้นตอนที่ 3) มาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. กดให้แบนและห่อไส้ขนมที่ปั้นเตรียมไว้ ทำจนหมด
6. จับใบตองสำหรับห่อเป็นทรง นำแป้งห่อไส้ที่ปั้นไว้ (ขั้นตอนที่ 5) วางลงไปบนใบตอง ตักแป้งหน้าขนม ราดลงไปบนแป้ง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) จากนั้นจับใบตองทรงสูง ห่อชายสองด้านเข้าประกบ ใช้เตี่ยวที่เตรียมไว้คาด กลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย นำขนมลงเรียงในลังถึง รอน้ำเดือด นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 15-20 นาทีจนขนมสุก ปิดไฟแล้วยกลง พักไว้ให้เย็น
7. จัดใส่จาน เสิรฟเป็นของหวานหลังอาหาร หรือเสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ ก็ดี

ขนม หม้อแกง

ขนม หม้อแกง

ขนมหม้อแกง เป็นขนมไทยพื้นเมืองโบราณเก่าแก่ของเหล่าแม่ๆทั้งหลายทีมีมา
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปขนมหม้อแกงถูกพัฒนาไปหลายแบบ
เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มคนสมัยใหม่ อีกทั้งเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง
จึงมีสินค้าที่มีรสชาติและหน้าตาใหม่ๆ โดยใส่เผือก หรือเมล็ดบัง ลงไปเพื่อให้ขนมหม้อแกง
มีรสชาติ อร่อยมากขึ้นอีกด้วย ขนมหม้อแกงที่มีชื่อเสียงที่สุด ผลิตที่ จังหวัด เพชรบุรี 

 สูตรขนมหวานไทย : หม้อแกง

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ)
* น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* ไข่เป็ด 3 ฟอง
* หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก
* ใบเตย 3 ใบ

   วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ )
2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะ ไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันดี
6. นำส่วนผสมที่กวนแล้วไปอบ โดยใส่ถาดหรือแบบที่ต้องการ ใช้ความร้อน 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) อบประมาณ 30 - 40 นาที จากนั้นจึงนำหอมเจียวไปโรยหน้าและอบต่ออีกประมาณ 5 นาที
7. ถ้าอบโดยใส่ถาดไว้ เวลาเสริฟก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามความเหมาะสม ถ้าอบโดยใส่แบบอื่นๆไว้ ถ้าขนาดแบบไม่ใหญ่มาก อาจเสริฟได้พร้อมแบบทันที  

ขนม บัวลอย

ขนมบัวลอย

ขนมบัวลอย เป็นขนมไทยชนิดหนึงที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ตั้งแต่โบราณกาลทำจาก
ส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนคือ แป้ง กะที และน้ำตาล โดยคำว่า บัวลอย นั้นอาจจะมาจาก
แป้งที่นวดแล้ว ปั้นเป็นเม็ดกลมๆเล็กๆ นำไปใส่ในน้ำเดือด จนแป้งสุกลอย ขึ้นมา นั่นเอง

 สูตรขนมหวานไทย : บัวลอย

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

+ส่วนผสมบัวลอย+

* แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
* เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำบัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)
* น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

+ส่วนผสมน้ำกะทิ+

* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
* เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้)
* งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)
2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้

ขนม ถังแตก

ขนมถังแตก

ขนมถังแตก เป็นขนมไทยโบราณขนิดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยคำว่าถังแตก
มีความหมาย เปรียบเปรยกับคนที่หมดเงิน ไม่มีเงินหรือขาดเงินชั่วคราว สามารถนำเงิน
อันน้อยนิดไปซื้อขนมที่ทำด้วยแผ่นแป้งห่อไส้เป็นมะพร้าวขูดฝอย โรยด้วยน้ำตาลทราย
และงา เนื่องจากมีราคาถูก แต่ทำให้อิมง่ายอร่อยและอิ่มนาน จึงเป็นขนมขวัญใจคนจน
สมัยนี้ขนมถังแตก มีทำและจำหน่ายกันโดยแพร่หลายในงานวัด หรือชุมชนทั่วไป

  สูตรขนมหวานไทย : ขนมถังแตก

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +

* แป้งสาลี 500 กรัม
* แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม
* กะทิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำ 6 ถ้วยตวง
* ยีสต์ 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 800 กรัม (1)
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (2)
* เกลือป่น

+ ส่วนผสมไส้ขนม +

* งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ
* มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน
2. ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้
3. ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟ

ขนม ตะโก้

ขนม ตะโก้

ขนมตะโก้ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งที่อร่อยเป็นอันดับต้นๆของขนมไทย
ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลรสหวาน และมีหน้าขนมเป็นกะทิ
รสมันเค็ม โดยอาจจะมีการใส่วัตถุดิบอย่างอื่นเข้าไปด้วย
เพื่อให้รสชาติอร่อยและหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่นเผือก ข้าวโพด แห้ว
ดังนั้นเราจึงเรียกตะโก้ตามวัตถุดิบที่ใส่ลงไป เช่น ตะโก้เผือก ตะโก้ข้าวโพด
เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราสามารถ ที่จะตกแต่งสีโดยการใช้สีจากธรรมชาติ
ได้อีก เช่น สีเขียวจากใบเตย เป็นต้น

   สูตรขนมหวานไทย : ขนมตะโก้

  เครื่องปรุง + ส่วนผสม

สำหรับทำตัวตะโก้

* แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
* น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง
* แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
* กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม

สำหรับทำหน้าตะโก้

* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น
2. จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ
3. เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี จึงปิดไฟ
4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที

ขนม อาลัว

ขนม อาลัว


ขนม อาลัว เป็นขนมไทยชนิดหนึ่ง ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและมีต้นกำเนิดจาประเทศโปรตุเกส
มีลักษณะเล็ก ข้างนอกกรอบแข็งแต่ข้างในหนืดหวานปกติมักจะมีสีสันสวยงาม 
เช่น สีเขียว สีชมพู และสีขาว มีรสชาติอร่อยถูกปากกับคนไทยมานานแล้ว 

   สูตรขนมหวานไทย : ขนมอาลัว

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม


* แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 350 กรัม
* น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร
  (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้
   เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ
2. นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
3. นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
4. นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
5. จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

ขนม สาลี่

ขนม สาลี่

ขนมสาลี่ เป็นขนมไทยโบราณที่มีเนื่อขนมฟู เบานิ่มๆ และละเอียดหวานหอม
สามารถใส่สีผสมอาหารหรือสีตามธรรมชาติลงไปให้มีความสวยงาม นอกจากนั้น
ขนมสาลี่ยังเป็นขนมมงคลชนิดหนึ่ง ที่มีความเชื่อว่า ทำให้ ชีวิตเจริญรุ่งเรื่อง
เฟื่องฟู และเพิ่มพูนอีกด้วย การทำขนมสาลี่นั้นไม่ยากเลย โดยทำมาจากแป้งสาลี
ไข่ และน้ำตาลแล้วนำไปนึ่งจนขึ้นฟูน่ารับประทาน

  สูตรขนมหวานไทย : ขนมสาลี่

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
* ไข่เป็ด 10 ฟอง
* สีผสมอาหารตามใจชอบ
  (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้
  เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)
* ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้าขนม)

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ตอกไข่ใส่ชาม แล้วใช้ส้อมตีแรงๆ ระหว่างตีนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายลงไปด้วย ตีไข่จนขึ้นเป็นสีขาวนวล
2. ร่อนแป้งสาลี แล้วนำไปผสมในไข่ คนเบาๆจนแป้งละลายดีจึงใส่สีผสมอาหารลงไป (ไม่ควรใส่มาก ควรผสมให้เป็นสีโทนอ่อน จะน่ารับประทานมากกว่าสีเข้ม)
3. นำกระดาษปูลงในถาดที่จะใช้นึ่งขนม จากนั้นเทแป้งลงในถาด (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) และแต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ)
4. ตั้งหม้อนึ่งรอจนน้ำเดือด จึงนำถาด (หรือแบบพิมพ์) ที่ใส่แป้งลงไปนึ่ง ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ถ้าแป้งหนาอาจต้องใช้เวลา นึ่งนานขึ้น (20-25 นาที) เมื่อสุกดีแล้วจึงยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นตัดเป็นชิ้นๆ จัดใส่จานเสริฟ

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ขนมกล้วยบวชชี


ขนมกล้วยบวชชี

กล้วยบวชชี เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นขนมที่ดูเหมือนธรรมดา
แต่มีความเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า มะพร้าวหรือน้ำกะทิ เป็นวัตถุดิบที่คนไทยนำมาใช้
ประกอบอาหาร ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน หรือจะใช้กล้วยไข่ก้อได้

    สูตรขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร
* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
* เกลือ

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย
3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว
4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที